สรุปการใช้ Present Simple Tense แบบละเอียด

Present Simple Tense

Present Simple Tense

การเรียน Tense เรื่อง Present Simple Tense เป็นสิ่งสำคัญเพราะว่ามันเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสื่อสารในภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียนเรื่อง Present Simple Tense เป็น Grammar ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถแสดงความคิดเห็น การกระทำ หรือสิ่งที่เป็นความจริงในปัจจุบันได้อย่างถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น “I eat breakfast at 7 AM every day” แปลว่า ฉันทานอาหารเช้าเวลา 7 โมงเช้าทุกวัน หรืออีกประโยคเช่น “She works at the hospital.” แปลว่า หล่อนทำงานที่โรงพยาบาล

การที่เราเรียน Present Simple Tense ช่วยให้เราเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของภาษา การใช้คำกริยาต่าง ๆ และการสร้างประโยคที่ถูกต้องตามเวลาปัจจุบัน ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาภาษาไปในระดับสูงขึ้นในอนาคตด้วยความเข้าใจที่แน่นอนของพื้นฐานนี้

นอกจากนี้ Present Simple Tense เป็นเรื่องสำคัญในการพูดคุยทั่วไป การเขียนอธิบายเหตุการณ์ที่เป็นประจำ หรือการใช้ภาษาในทางที่เป็นประจำในชีวิตประจำวันที่จำเป็นต้องใช้คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับเวลาปัจจุบันโดยตรง ดังนั้น Present Simple Tense มีความสำคัญในการสื่อสารและเข้าใจภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง! ถึงเวลาที่เราจะมาทำความรู้จักกับ Present Simple Tense แบบละเอียด ไปลุยกันเลย

Present Simple Tense

โครงสร้างประโยค: Subject + V.1 (ถ้าประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องทำการเติม -s หรือ -es)

หลักการใช้: Present Simple Tense เป็น tense ที่ใช้เพื่อแสดงสิ่งที่เป็นจริงในปัจจุบัน หรือเรื่องที่เป็นจริงเป็นประจำ โดยมักใช้กับการกระทำหรือสิ่งที่เป็นประจำในชีวิตประจำวัน

ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense ที่ประธานเป็นเอกพจน์กริยาต้องทำการเติม -s หรือ -es เช่น

He works at the office. (เขาผู้ชายทำงานที่บริษัท)

She eats breakfast every morning. (เธอกินอาหารเช้าทุกเช้า)

It rains a lot in this region. (ฝนมันตกตลอดเวลาในพื้นที่นี้)

ตัวอย่างประโยค Present Simple Tense ที่กริยาไม่ต้องเติม -s หรือ -es เช่น

I like watching movies. (ฉันชอบดูหนัง)

We play soccer every Sunday. (เราเล่นฟุตบอลทุกวันอาทิตย์)

They study English together. (พวกเขาเรียนภาษาอังกฤษด้วยกัน)

ใน Present Simple Tense, บางครั้งยังใช้คำกริยาพิเศษ (non-action verbs) หรือ state verbs ซึ่งเป็นคำกริยาที่แสดงสภาวะ ความรู้สึก หรือคุณลักษณะที่ไม่ใช่การกระทำ เช่น like, love, hate, want, belong, และอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

She loves chocolate. (เธอรักช็อกโกแลต)

They own a beautiful house. (พวกเขาเป็นเจ้าของบ้านที่สวยงาม)

ในการทำประโยคปฏิเสธใน Present Simple Tense เราใช้คำกริยาช่วยและตามด้วย NOT เช่น “do not” หรือ “does not” (เป็นรูปย่อว่า don’t หรือ doesn’t) ตามด้วยกริยาในรูปเดิม (base form) ของคำกริยาโดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปของคำกริยาแท้ โดยประโยคปฏิเสธจะมีโครงสร้างดังนี้:

โครงสร้างประโยค: Subject + do/does + not + V

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบดังต่อไปนี้

I/You/We/They + do not + base form of verb

He/She/It + does not + base form of verb (กรณีนี้ verb แท้ไม่ต้องเติม -s หรือ -es แล้ว)

ตัวอย่างประโยคปฏิเสธใน Present Simple Tense:

She does not like spicy food. (เธอไม่ชอบอาหารเผ็ด)

They do not play tennis on Mondays. (พวกเขาไม่เล่นเทนนิสในวันจันทร์)

He does not speak French fluently. (เขาพูดภาษาฝรั่งเศสไม่ได้เป็นอย่างคล่องตัว)

ในการทำประโยคคำถามใน Present Simple Tense เราจะใช้กริยาช่วย “Do” หรือ “Does” ตามด้วยประโยคในรูปแบบของคำถาม โดยใช้กริยาในรูปเดิม (base form) ของคำกริยา และอย่าลืมเครื่องหมาย ? (Question Mark) โดยประโยคคำถามจะมีโครงสร้างดังนี้:

โครงสร้างประโยค: Does/Do + Subject + V ?

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบดังต่อไปนี้

Do + I/You/We/They + base form of verb + …?

Does + He/She/It + base form of verb + …? (กรณีนี้ verb แท้ไม่ต้องเติม -s หรือ -es แล้ว)

ตัวอย่างประโยคคำถามใน Present Simple Tense:

Do you like coffee? (คุณชอบกาแฟหรือไม่?)

Does she speak Spanish? (เธอพูดสเปนได้ไหม?)

Do they play the guitar? (พวกเขาเล่นกีตาร์ไหม?)

Keywords

ที่บ่งบอกถึงการใช้ Present Simple Tense สามารถช่วยให้เราระบุถึงเหตุการณ์หรือสิ่งที่เป็นประจำ การกระทำที่เป็นประจำ หรือความจริงในปัจจุบัน ดังนั้น Keyword สำหรับ Present Simple Tense สามารถเป็นคำที่บ่งบอกถึงการเกิดขึ้นอย่างประจำ หรือการกระทำที่เป็นประจำ ตัวอย่างเช่น always, usually, often, sometimes, rarely, seldom, never, every day/week/month/year เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ Keyword ของ Present Simple Tense:

I always wake up early in the morning. (ฉันตื่นเช้าเสมอ)

They usually go to the gym after work. (พวกเขาไปโรงยิมบ่อยหลังเลิกงาน)

She rarely eats seafood. (เธอนานๆ ครั้งจะกินอาหารทะเล)

He never misses his favorite TV show. (เขาไม่พลาดรายการทีวีที่เขาชอบ)

We clean the house every weekend. (เราทำความสะอาดบ้านทุกสุดสัปดาห์)

แชร์เลย